การวิเคราะห์ค่าสถิติเบื้องต้น
การคำนวณค่าสถิติเบื้องต้นหลังจากที่เก็บรวบรวมข้อมูลและสร้างแฟ้มข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ผู้วิจัยจะต้องทาการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อสรุปผลของการวิจัย ตามวัตถุประสงค์ของงานวิจัย ซึ่งจาเป็นต้องใช้วิธีการทางสถิติช่วยในการวิเคราะห์ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
1. สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistics)
ซึ่งเป็นการนำเสนอข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาโดยนามาบรรยายถึงลักษณะของข้อมูลที่เก็บมาได้ ทั้งในรูปแบบของตาราง ข้อความ แผนภูมิ หรือกราฟต่างๆ และค่าสถิติต่างๆ
2. สถิติเชิงอนุมาน (Inference Statistics)
หมายถึงการวิเคราะห์ข้อมูลตัวอย่าง แล้วนาผลการวิเคราะห์นั้นอ้างอิงถึงลักษณะที่สาคัญของประชากร โดยใช้หลักเกณฑ์ของความน่าจะเป็น และสถิติเชิงอนุมานจะประกอบด้วย การประมาณค่า การทดสอบสมมติฐานที่ใช้พารามิเตอร์ และที่ไม่ใช้พารามิเตอร์ เป็นต้น (ซึ่งเนื้อหาดังกล่าวจะกล่าวถึงรายละเอียดในหัวข้อต่อไป)
สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistics)
เป็นการนำเสนอข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาโดยนามาบรรยายถึงลักษณะของข้อมูลที่เก็บมาได้ ทั้งในรูปแบบของตาราง ข้อความ แผนภูมิ หรือกราฟต่างๆ หลักสาคัญของสถิติเชิงพรรณนานี้ คือ เก็บข้อมูลชนิดใดมาได้ก็จะอธิบายได้เฉพาะข้อมูลชนิดนั้น ไม่สามารถนาไปใช้อ้างอิงถึงข้อมูลในส่วนอื่นๆ ได้ เช่น เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง จานวน 600 คน จากประชากรทั้งหมด 1,000 คน การบรรยายลักษณะของข้อมูลตลอดจนการวิเคราะห์และแปลผลจะเป็นเฉพาะในส่วนของข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง 600 คนเท่านั้น ผู้วิจัยไม่สามารถนาไปใช้อ้างอิงแทนประชากรทั้งหมด 1,000 คนได้ จึงเป็นการสรุปเฉพาะลักษณะที่สาคัญของข้อมูลที่ศึกษาเท่านั้น และสถิติพรรณนาประกอบด้วยเนื้อหา ดังต่อไปนี้
1. การนำเสนอข้อมูล ซึ่งประกอบด้วย
- การนำสนอในรูปบทความเช่น สถิติของคนไทยแยกตามเพศ
- การนำเสนอในรูปตาราง หรือร้อยละ ซึ่งาจเป็นตารางจานกทางเดียวหรือหลายทาง
- การนำเสนอในรูปกราฟ เช่นกราฟเส้น กราฟแท่ง กราฟวงกลม
2..การแจกแจงความถี่
การแจกแจงความถี่ เป็นการแสดงค่าความถี่ของข้อมูลที่เก็บมาได้ โดยแสดงเป็นจานวนและร้อยละ (%) เช่น จำนวนและเปอร์เซ็นต์ของอาจารย์ แยกตามวุฒิการศึกษาและตามเพศ
3. การวัดแนวโน้มเข้าสู่ส่วนกลาง
เป็นการหาค่ากลางของข้อมูลเพื่อใช้เป็นตัวแทนของข้อมูลทั้งหมด เพื่อเป็นประโยชน์ในการเปรียบเทียบ
ข้อมูลแต่ละชุด โดยไม่จำเป็นต้องพิจารณาข้อมูลทั้งหมดของแต่ละชุด สถิติของการวัดแนวโน้มเข้าสู่ส่วนกลางที่นิยม
ใช้ คือ
-ค่าเฉลี่ย (Mean) ประกอบด้วย ค่าเฉลี่ยเลขคณิต มัชฌิมเรขาคณิต มัชฌิมฮาร์โมนิก
-ค่ามัธยฐาน (Medain)
-ค่าฐานนิยม (Mode)
-ค่าเปอร์เซนต์ไทล์ (Percentile)
-ค่าเดไซล์ (Decile)
-ควอไทล์ (Quatile)
4. การวัดการกระจายของข้อมูล
การวัดการกระจายของข้อมูล เป็นการอธิบายว่าข้อมูลแต่ละค่านั้นมีค่าที่ห่างกันมากน้อยเพียงใด สถิติของการ
วัดการกระจายของข้อมูลที่นิยมใช้ คือ
- พิสัย (Range)
- ส่วนเบี่ยงเบนควอไทล์ (QuatileDeviation)
- ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)
-ค่าแปรปรวน (Variance)
- สัมประสิทธิ์ความแปรผัน (Coefficient of Variance)
* สุตรที่ใช้คำนวณสถิติการแจกแจงความถี่ (Frequency)
การแจกแจงความถี่ เป็นการแสดงค่าความถี่ของข้อมูลที่เก็บมาได้ โดยแสดงเป็นจำนวนและร้อยละ (%)
ค่าร้อยละ (Percentage)
ค่าร้อยละ คือ การคำนวณหาสัดส่วนของข้อมูลในแต่ละตัวเทียบกับข้อมูลรวมทั้งหมด โดยให้ข้อมูลรวม
ทั้งหมดมีค่าเป็นร้อย
2. ค่ามัธยฐาน (Median)
ค่ามัธยฐาน คือ ค่าของข้อมูลที่อยู่ตรงกลางของข้อมูลทั้งหมดที่ได้นำมาเรียงลำดับจากน้อยไปหามากแล้ว ซึ่ง
การหาค่ามัธยฐานสามารถคำนวณหาได้ 2 แบบ ได้แก่ การคำนวณหาค่ามัธยฐานจากข้อมูลดิบที่ไม่อยู่ในรูปของตาราง
แจกแจงความถี่และการคำนวณหาค่ามัธยฐานจากข้อมูลจัดกลุ่มที่อยู่ในรูปของตารางแจกแจงความถี่ ซึ่งจะมีสูตรดังนี้
3. ค่าฐานนิยม (Mode)
ค่าฐานนิยม คือ ค่าของข้อมูลตัวที่มีค่าซ้ำกันมากที่สุดในชุดข้อมูลนั้นๆ การหาค่าฐานนิยมสามารถคำนวณหา ได้ 2 แบบ ได้แก่ การคำนวณหาค่าฐานนิยมจากข้อมูลดิบที่ไม่อยู่ในรูปของตารางแจกแจงความถี่และการค านวณหาค่า ฐานนิยมจากข้อมูลจัดกลุ่มที่อยู่ในรูปของตารางแจกแจงความถี่ ซึ่งจะมีวิธีการหาดังนี้
การคำนวณหาค่าฐานนิยมจากข้อมูลดิบที่ไม่อยู่ในรูปของตารางแจกแจงความถี่
จะพิจารณาดูว่าในข้อมูลชุดนั้น มีค่าใดซ้้ำกันมากที่สุด ค่านั้นก็จะเป็นค่าฐานนิยม
สูตรคำนวณคำนวณหาค่ามัธยฐานจากข้อมูลจัดกลุ่มที่อยู่ในรูปของตารางแจกแจงความถี่
4. ค่าเปอร์เซนต์ไทล์ (Percentile)
การคำนวณหาค่าเปอร์เซ็นต์ไทล์จากข้อมูลดิบที่ไม่อยู่ในรูปของตารางแจกแจงความถี่
1. เรียงข้อมูลจากน้อยไปหามาก
2. หาตำแหน่งของค่าเปอร์เซนต์ไทล์
จากสูตร
3. นับตำแหน่งจากค่าที่คำนวณได้จากข้อ 2
สูตรคำนวณคำนวณหาค่าฐานนิยมจากข้อมูลจัดกลุ่มที่อยู่ในรูปของตารางแจกแจงความถี่
5. ค่าเดไซล์(Decile)
การคำนวณหาค่าเปอร์เซ็นต์ไทล์จากข้อมูลดิบที่ไม่อยู่ในรูปของตารางแจกแจงความถี่
1. เรียงข้อมูลจากน้อยไปหามาก
2. หาตำแหน่งของค่าเดไซล์
จากสูตร
6. ค่าควอไทล์ (Quatile)
การคำนวณหาค่าควอไทล์จากข้อมูลดิบที่ไม่อยู่ในรูปของตารางแจกแจงความถี่
3. เรียงข้อมูลจากน้อยไปหามาก
4. หาตำแหน่งของค่าควอไทล์
จากสูตร
สูตรที่ใช้ในการคำนวณค่าสถิติต่างๆ ของการวัดการกระจายของข้อมูล
1. ค่าพิสัย (Range)
ค่าพิสัย คือ ค่าผลต่างของข้อมูลตัวที่มีค่ามากที่สุด (Max) กับตัวที่มีค่าน้อยที่สุด (Min) ค่าพิสัยจัดเป็นวิธีการวัดการ
กระจายของข้อมูลที่หยาบที่สุด ซึ่งมีสูตรในการค านวณ ดังนี้
ค่าพิสัย = ค่าสูงสุด - ค่าต่่ำสุด
2. ส่วนเบี่ยงเบนควอไทล์ (Qaurtile Deviation)
ส่วนเบี่ยงเบนควอไทล์ คือ ค่าที่แสดงให้เห็นว่าข้อมูลจำนวน 50% ที่อยู่ตรงกลางของข้อมูลแตกต่ำกัน
อย่างไร สามารถหาค่าส่วนเบี่ยงเบนควอไทล์ ได้ 2 แบบคือ การคำนวณหาค่าส่วนเบี่ยงเบนควอไทล์จากข้อมูลดิบที่ไม่
อยู่ในรูปของตารางแจกแจงความถี่และการคำนวณหาค่าส่วนเบี่ยงเบนควอไทล์จากข้อมูลจัดกลุ่มที่อยู่ในรูปของตาราง
แจกแจงความถี่ ซึ่งมีวิธีการดังนี้
สูตรคำนวณหาค่าส่วนเบี่ยงเบน
ควอไทล์จากข้อมูลดิบที่ไม่อยู่ในรูป
ของตารางแจกแจงความถี่ ซึ่งมีวิธีการดังนี้
3. ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation , S.D.)
ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) คือ ค่ารากที่สองของผลรวมของความแตกต่างระหว่างข้อมูลดิบกับค่าเฉลี่ย
ยกกำลังสอง (sum of squares ของผลต่าง) หารด้วยจำนวนข้อมูลทั้งหมด สัญลักษณ์ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานจะมี 2
ลักษณะ ดังนี้
ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานสามารถคำนวณหาได้ 2 แบบ คือ การคำนวณหาค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานจาก ข้อมูลดิบที่ไม่อยู่ในรูปของตารางแจกแจงความถี่ และการคำนวณหาค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานจากข้อมูลจัดกลุ่มที่อยู่ ในรูปของตารางแจกแจงความถี่ ซึ่งมีวิธีการดังนี้
สูตรคำนวณหาค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานจากข้อมูลดิบที่ไม่อยู่ในรูป
ของตารางแจกแจงความถี่
สูตรคำนวณหาค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานจากข้อมูลจัดกลุ่มที่อยู่ในรูป
ของตารางแจกแจงความถี่
4. ความแปรปรวน (Variance)
ความแปรปรวน คือ ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานยกกำลังสอง ซึ่งจะทำให้ความแปรปรวนมีหน่วยเป็นข้อมูลยก
กำลังสอง เช่น ถ้าข้อมูลมีหน่วยเป็นบาท ความแปรปรวนก็จะมีหน่วยเป็น
(บาท)
2
ซึ่งการคำนวณค่าความแปรปรวนสามารถแบ่งได้เป็น 2 กรณีคือ การคำนวณหาค่าความแปรปรวนจากข้อมูล
ดิบที่ไม่อยู่ในรูปของตารางแจกแจงความถี่ และการคำนวณหาค่าความแปรปรวนจากข้อมูลจัดกลุ่มที่อยู่ในรูปของ
ตารางแจกแจงความถี่ ซึ่งจะมีวิธีการดังนี้
สูตรคำนวณหาค่าความแปรปรวนจากข้อมูลดิบที่ไม่อยู่ในรูป
ของตารางแจกแจงความถี่
สูตรคำนวณหาค่าความแปรปรวนจากข้อมูลจัดกลุ่มที่อยู่ในรูป
ของตารางแจกแจงความถี่
5. สัมประสิทธิ์ความแปรผัน (Coefficient of Variance, C.V.)
สัมประสิทธิ์ความแปรผัน เป็นค่าที่ใช้เปรียบเทียบการกระจายของข้อมูล 2 ชุดขึ้นไป ซึ่งค่า C.V. จะไม่มี
หน่วย และข้อมูลชุดที่มีค่า C.V. มากจะมีการกระจายมากกว่าข้อมูลชุดที่มีค่า C.V. ต่ า โดยมีสูตรในการคำนวณหา ดังนี้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น